การกินคีโตเพื่อลดน้ำหนักรักษาสุขภาพไม่ใช่จะเหมาะสำหรับทุกคน ใครก็ตามที่มีสุขภาพดีโดยไม่มีโรคประจำตัวและไม่ได้ตั้งครรภ์สามารถลองทานอาหารคีโตได้ ทั้งนี้ เนื่องจากเงื่อนไขทางการแพทย์และยาบางชนิดอาจเป็นอันตรายกับบางคนได้เมื่อทานอาหารคีโต
อาหารคีโตเป็นอาหารที่เฉพาะเจาะจงมาก การลดหรือไม่หลากหลายของสารอาหารบางชนิดอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงจากการกินคีโตมากมายหากไม่ตรวจสอบอย่างระมัดระวัง
อาการ หรือผลข้างเคียงจากการกินโต ที่ต้องรู้ก่อนเลือกทานคีโต
- ไข้คีโต (Keto Flu)
เมื่อร่างกายของคุณอยู่ในภาวะคีโตซีส คุณอาจมีไข้ คลื่นไส้ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน หรืออ่อนเพลีย ในกรณีส่วนใหญ่ อาการเหล่านี้จะหายไปเอง ดังนั้น ขอแนะนำให้ปรึกษาแพทย์หากอาการยังคงอยู่นานกว่า 2 สัปดาห์ - การขาดสารอาหาร
การกินคีโตต้องลดปริมาณอาหารบางชนิดลงส่งผลให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่สำคัญไม่เพียงพอ เช่น ไฟเบอร์ วิตามิน เป็นต้น ปัญหาสุขภาพอื่นๆ เกิดขึ้นได้ มีธรรมชาติ - ท้องผูก ขาดน้ำและแร่ธาตุ
ร่างกายขับคีโตนออกทางปัสสาวะ คุณเสี่ยงต่อการขาดน้ำและขาดแร่ธาตุทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้น นอกจากนี้ การบริโภคคาร์โบไฮเดรตที่ต่ำมากหมายความว่าร่างกายของคุณไม่ได้รับใยอาหารเพียงพอ มันจะให้เกินอาการท้องผูกได้ - กระหายน้ำบ่อย
การกระหายน้ำในผู้ที่รับประทานอาหารคีโตเป็นอาการทั่วไปที่เกิดจากการกักเก็บน้ำในร่างกาย ดังนั้นคุณควรดื่มน้ำอยู่เสมอ - อาการสมองล้า
สมองล้า ความจำไม่ดี ไม่มีสมาธิ แต่ถ้าสังเกตแล้วจะพบไม่ค่อยพบ - ผิวมันเป็นสิว
การรับประทานไขมันบางชนิดมากเกินไปอาจทำให้เกิดสิวอักเสบบนผิวหนังได้ - โยโย่เอฟเฟคเมื่อหยุดกินคีโต
การไดเอทแบบคีโตเจนิกสามารถนำไปสู่การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วและไม่รู้สึก “โหย” เหมือนการลดน้ำหนักแบบอื่นๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณหยุดกินคีโตและกลับมากินแบบปกติ คุณอาจพบว่าน้ำหนักของคุณกลับมาเมื่อคุณกินอาหารที่ไม่ใช่คีโต ที่เรียกว่า ‘โยโย่เอฟเฟกต์’
อาหารคีโตเป็นวิธีที่รวดเร็วในการลดน้ำหนัก แต่อาจมีผลข้างเคียงในการกินคีโตได้ ไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวของอาหารคีโต เพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพในระยะยาว ให้เน้นรับประทานอาหารที่หลากหลายและสมดุล
การรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่และควบคุมให้อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะเป็นวิธีหนึ่งในการลดน้ำหนัก และแม้ว่าอาจต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่ก็ส่งผลดีต่อคุณในระยะยาวอย่างแน่นอน