ข้อดี ข้อเสีย ของการกินคีโต กินให้เป็น สุขภาพไม่พัง

กินคีโต

การลดน้ำหนักแบบคีโตเจนิค (Ketogenic Diet) ปฏิเสธไม่ได้เลยค่ะว่าเป็นอีกหนึ่งเทรนด์การลดน้ำหนักที่กำลังมาแรงและหลายๆ คนก็ทำแล้วเห็นผลว่าน้ำหนักลงอย่างชัดเจน แต่ก็แน่นอนค่ะแม้ว่าการกินคีโตเจนิคจะเป็นวิธีที่ช่วยให้น้ำหนักลงอย่างรวดเร็ว แต่การลดน้ำหนักทุกแบบก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียเช่นกัน งานนี้ก่อนจะไปเริ่มลดน้ำหนักแบบคีโตกัน ลองมาอ่านดูสักนิดคะว่าการลดน้ำหนักแบบนี้มีข้อดีและข้อเสียอย่างไร เพื่อที่จะปรับการกินให้เหมาะสม และสุขภาพไม่พัง!

การลดน้ำหนักแบบคีโตเจนิค (Ketogenic Diet) คืออะไร

การลดน้ำหนักแบบคีโตเจนิค กินอาหารที่มีไขมันเป็นส่วนใหญ่และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลสูง หรือกินน้อยมาก. เมื่อร่างกายบริโภคน้ำตาลในปริมาณเล็กน้อย ร่างกายจะดึงไขมันออกจากร่างกายและเผาผลาญเป็นพลังงาน และเนื่องจากมันผลิตสารที่เรียกว่าคีโตนซึ่งเป็นผลมาจากการสลายไขมัน การลดน้ำหนักประเภทนี้จึงเรียกว่าอาหารคีโตเจนิกนั่นเอง

กินคีโต

หลักการลดน้ำหนักแบบคีโตเจนิค (Ketogenic Diet)

สัดส่วนมื้ออาหารของอาหารคีโตเจนิกส่วนใหญ่คือไขมัน 75% โปรตีน 20% และคาร์โบไฮเดรต 5% และคาร์โบไฮเดรตควรเป็นพืชเป็นหลักด้วย ไม่ให้ข้าว!

ข้อดีของการกินคีโตเจนิค

  1. ลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว
    เหตุผลที่หลายคนเลือกวิธีนี้คือ การกินคีโตสามารถช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้อย่างรวดเร็วโดยการขจัดแคลอรีจำนวนมากออกจากแป้งและน้ำตาล
  2. เผาผลาญไขมันที่สะสมไว้มากขึ้น
    หากกระบวนการข้างต้นทำให้ร่างกายได้รับน้ำตาลไม่เพียงพอ มันจะดึงดูดไขมันในร่างกายและเผาผลาญเป็นพลังงาน ทำให้ร่างกายของเราเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น

กินคีโต

ข้อเสียของการกินคีโตเจนิค

  1. อาจมีความผิดปกติของระบบย่อยอาหารหรือระบบขับถ่าย
    นี่เป็นเพราะคุณต้องลดคาร์โบไฮเดรตและใยอาหาร ส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติได้ อาจมีอาการท้องผูกได้
  2. ร่างกายขาดสารอาหารบางอย่าง
    มีอาหารบางอย่างที่คุณไม่สามารถรับประทานได้ในคีโต เช่น ผักบางชนิดและผลไม้ที่ปราศจากน้ำตาล ซึ่งอาจนำไปสู่การขาดวิตามินและสารอาหารในร่างกายของคุณ ที่มีอยู่ในผักและผลไม้
  3. เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาหัวใจและหลอดเลือด
    อาหารคีโตเน้นการเลือกไขมันที่ดีต่อสุขภาพ ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว) และไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน) พบได้ในน้ำมันปาล์มและมะพร้าว ประกอบด้วย ไขมันอิ่มตัวในเนื้อสัตว์และผัก เช่น น้ำมัน อาจทำให้เกิดปัญหาหลอดเลือดหัวใจได้
  4. เป็นอันตรายต่อผู้ป่วยโรคเบาหวาน
    นั่นเป็นเพราะเมื่อคุณเป็นคีโตเจนิก คุณจะกินแต่ไขมันและหลีกเลี่ยงแป้งและน้ำตาล ซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตหลักที่ให้พลังงาน ความไม่สมดุลของอินซูลินที่ทำให้เลือดเป็นกรด อันตรายมากสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน

ศึกษาข้อดีข้อเสียของการกินคีโตแล้ว คุณควรพยายามควบคุมอาหาร อาหารที่สมดุลและความสามารถในการค่อยๆ ลดคาร์โบไฮเดรต น้ำตาล และไขมันโดยไม่ทำลายมันจะช่วยให้คุณลดน้ำหนักและรักษาสุขภาพให้แข็งแรงได้อย่างแน่นอน

สิ่งต้องห้ามของผู้หญิงอยากผอม

เมื่อความอ้วนมาเยือน หลายคนจะคิดว่าจะต้องอดอาหาร งดของหวาน หรือไม่กินอะไรได้ยิ่งดี…แต่รู้หรือไม่ว่าความคิดดังกล่าวนั้นมันผิด ผิดแบบไม่น่าให้อภัยเลยด้วยนะคะ…การจะลดน้ำหนักจะต้องทำอย่างถูกวิธี จะได้ไม่มีผลข้างเคียง วันนี้เรามีสิ่งต้องห้ามของคนที่อยากผอมมาฝากกันค่ะ

ห้ามอด

เพราะการอดอาหารไม่ได้ช่วยให้ผอมเพรียวลงได้ การที่อดอาหารบางมื้อไป จะส่งผลให้ระบบการเผาผลาญพลังงานของร่างกายเราทำงานได้ช้าลง ซึ่งอัตราการเผาผลาญไขมันก็ทำได้น้อยลงตามไปด้วย ฉะนั้นต่อให้อดอาหารแค่ไหน ก็ไม่มีผลต่อรูปร่างผอมเพรียวที่พึงปรารถนาได้ค่ะ มีแต่จะทำให้ร่างกายไม่มีเรี่ยวแรงมากกว่า แต่หันมาจัดตารางเวลาการกินจะทำให้เห็นผลมากกว่า

ห้ามผัดวันประกันพรุ่ง

เมื่อตั้งใจที่จะลดความอ้วนแล้วละก็ ต้องมีความมุ่งมั่นเอาจริงเอาจัง จะมามัวผัดวันประกันพรุ่งคงไม่ได้ เคยได้ยินกันใช่มั้ยคะว่า พรุ่งนี้ไม่มีวันมาถึง เพราะฉะนั้นอย่าใช้เหตุผลว่าพรุ่งนี้ค่อยเริ่มลด เพราะวันถัดมาก็อาจจะมีเหตุผลมาอ้างอีกได้ ไม่มีวันพรุ่งนี้ที่รอคอยนะคะ คิดจะทำอะไรก็เริ่มทำเลยดีกว่าค่ะ ค่อยเป็นค่อยไปรับรองได้ผลชัวร์

ห้ามใจร้อน

การลดน้ำหนักส่วนเกินนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ทำกันได้เพียงชั่วข้ามคืน ต้องใจเย็นๆ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป อย่าใจร้อน ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถทำให้น้ำหนักลงได้สัปดาห์ละ 5 กิโลก็ไม่เห็นจะเป็นไร ให้เวลากับตัวเองมากขึ้นอีกหน่อย อาจจะช้าไปนิดแต่ยังไงผลก็คือหุ่นดีได้เหมือนกันนะคะ ขอแค่ไม่ถอดใจไปซะก่อน คุณก็จะหุ่นเพรียวได้เหมือนกันค่ะ

ห้ามขี้เกียจ

ความจริงแล้วการออกกำลังกาย ให้เหงื่อออกกันบ้างนั้นเป็นวิธีการช่วยลดความอ้วนได้ดี เพียงแต่หลายคนเลือกเป็นวิธีสุดท้าย เพราะเจ้าความขี้เกียจมาคอยรบกวนอยู่นะซิคะ เลยมัวเอาเวลาไปหาแต่ยาลดความอ้วนมากิน ซึ่งไม่ได้ช่วยให้เราผอมได้ในระยะยาว และยังอาจจะมีผลข้างเคียงอีกด้วย ฉะนั้นแล้วใครที่อยากหุ่นสวยในระยะยาว ก็ต้องขยันออกมาขยับร่างกาย เอ็กเซอร์ไซค์กันหน่อย มากำจัดไขมันส่วนเกินของคุณอย่างปลอดภัยกันดีกว่าค่ะ

ห้ามแตะน้ำอัดลม

น้ำอัดลม รสซ่าเย็นๆ อาจจะช่วยให้เรารู้สึกสดชื่นได้ แต่รู้ไหมว่าเจ้าน้ำอัดลมนี่แหละที่มีแคลอรี่ ตัวแปรสำคัญที่ทำให้เราอ้วนอยู่มากเลยทีเดียว แถมยังอันตรายต่อร่างกายด้วย เพราะก๊าซในน้ำอัดลมจะไปกัดกร่อนกระดูกของเรา ทำให้กระดูกพรุนได้ในที่สุด น้ำเปล่าดีที่สุดค่ะ ช่วยดับกระหายคลายร้อนได้ และไม่มีแคลอรีที่ทำให้เราอ้วนได้

ห้ามคลายเครียดด้วยการกิน

หลายคนพอเครียดก็หาอะไรกิน อยู่เฉยๆ เหงาปากก็หาอะไรมากระแทกปาก ทำกิจกรรมอะไรก็มักจะมากินไปพร้อมๆ กันด้วยถึงจะได้อารมณ์ แต่นั่นเป็นเพียงการช่วยบำบัดอารมณ์เพียงชั่ววูบเท่านั้นเอง และมันจะทำให้เราอ้วนโดยไม่รู้ตัวนะคะ

ห้ามตามใจปาก

จำไว้ให้ดีว่าถ้าอยากลดน้ำหนักได้จริงๆ ต้องไม่ตามใจปาก ต้องคำนึงเรื่องอาหารการกินกันเป็นพิเศษ อะไรที่กินได้ อะไรไม่ควรกิน เลี่ยงได้ก็เลี่ยงไป มุ่งมั่นจริงจังแล้วคุณก็จะมีหุ่นเพรียวสมใจ

แค่เพียงวิธีง่ายๆ เท่านี้ ใครที่สามารถทำได้ คุณก็บอกลาความอ้วนไปอย่างถาวรได้เลยค่ะ ใครที่กำลังพยายามลดน้ำหนักส่วนเกินแบบผิดๆ อยู่ละก็ นำวิธีดีๆ เหล่านี้ไปใช้ได้เลยค่ะ ไม่หวงอยู่แล้ว…

กลยุทธ์สุดเวิร์คพิชิตหุ่นสวยใน 42 วัน

การไดเอทสำหรับหลายคนอาจเป็นเรื่องยาก เพราะต้องอาศัยเวลา และความตั้งใจที่มั่นคงสักหน่อย ถ้าใครใจแข็งพอก็จะเผลอทานโน้นนี่ตามใจปากเหมือนเคยแน่นอน ซึ่งนั่นก็คือปัญหาอันดับหนึ่งเลยก็ว่า และเพื่อให้การลดน้ำหนักของสาวๆ ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป วันนี้มีกลยุทธ์ดีๆ มาแนะนำให้เอาไปใช้ควบคุมจิตใจมากฝากกันค่ะ

7 วันของการต่อสู้

ถือว่าช่วงสัปดาห์แรกเป็นช่วงที่ทรมานที่สุดของสาวๆ เลยก็ว่าได้ เพราะคุณจะรู้สึกหิวอยู่ตลอดเวลา ถ้ายั้งใจไว้ไม่อยู่ก็อาจจะยอมแพ้ได้ง่ายๆ เลยล่ะค่ะ ดังนั้นกลยุทธ์สำหรับการกำจัดความต้องการตรงนี้ไปได้ก็คือ ให้มุ่งความสนใจไปที่อาหารเช้า โดยกินมื้อเช้าให้เยอะเข้าไว้ เพราะนอกจากจะทำให้ท้องอิ่มได้นานแล้ว ยังช่วยให้แคลอรี่กับร่างกายไปใช้อีกตั้ง 350 แคลอรี่ค่ะ

14 วันแห่งความหงุดหงิด

เนื่องจากเป็นช่วงที่คุณกำลังปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหารจากแบบเดิมที่ทานอะไรก็ได้ แต่ตอนนี้ต้องเลือกทานแต่ของมีประโยชน์ ทำให้คุณเกิดอารมณ์หงุดหงิด พานอารมณ์เสียไปได้ทุกเรื่องจากความเครียด และความกดดัน ซึ่งในที่สุดก็อาจทำให้ตบะแตกได้ในระยะนี้เช่นกัน ดังนั้นวิธีแก้ไขก็คือ ให้เบี่ยงเบนความสนใจด้วยการหันหน้าเข้าหาเพื่อนๆ พูดคุยปรึกษากันซะหน่อย ไม่แน่นะ คุณอาจจะปิ๊งไอเดียเจ๋งๆ ที่จะนำมาใช้ในการลดน้ำหนักต่อไปก็ได้ค่ะ

21 วันแห่งความอยาก

ช่วงนี้คุณจะมีอาการอยากทานโน้นนี่อยู่ตลอดเวลา เพราะถึงช่วงที่จะมีประจำเดือนพอดี ทำให้ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็อยากจะซื้อมาทานซะให้เรียบเลย ซึ่งการรับมือกับพายุความอยากนี้คือ แทนที่จะทานอาหารแบบวันละ 3 มื้อ ก็เปลี่ยนมาเป็นวันละ 4 – 6 มื้อย่อยๆ แทน วิธีนี้จะช่วยให้ระดับน้ำตาลคงที่ สามารถขจัดความเหนื่อยล้า และช่วยทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นด้วยค่ะ

42 วันเฟิร์มขึ้น แต่น้ำหนักยังไม่ลดลง

เมื่อผ่านไป 6 สัปดาห์คุณจะรู้สึกว่าร่างกายเฟิร์มขึ้น มีกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น แต่สงสัยว่าทำไมน้ำหนักยังไม่ลดลงซักที อย่าเพิ่งด่วนถอดใจไปซะก่อนค่ะ ให้ทำการลดน้ำหนักอย่างนี้ต่อไปนั่นแหละ และท่องเอาไว้ว่า ยิ่งมีกล้ามเนื้อมาก ก็ยิ่งเผาผลาญแคลอรี่ได้มาก แต่ถ้าคุณเกิดหมดแรงฮึดขึ้นมาจริงๆ ให้นำยีนส์ตัวเก่งที่เคยใส่ไม่ได้แล้วมาลองสวมดูสิคะ หรืออาจจะส่องกระจกสำรวจดูตัวเองว่าไขมันตรงไหนลดไปบ้าง อาจจะช่วยเรียกกำลังใจกลับคืนมาได้แน่นอนค่ะ

ลองเอาไปประยุกต์ให้เข้ากับการใช้ชีวิตของคุณนะคะ รับรองว่าเรื่องน้ำหนักส่วนเกินของคุณจะต้องหมดไปในเร็ววันแน่นอนค่ะ