รีวิวแป้ง พัฟ laura mercier แบบเรียงตัว

laura mercier foundation powder

แป้ง พัฟ laura mercier  มีหลาย Product หลายสีให้สาว ๆ ได้เลือกใช้งานตามสีของผิว ความต้องการทางด้านประสิทธิภาพ แต่มีใครไหมที่สงสัยว่าแต่ละตัวของแป้งพัฟนี้มันมันต่างกันอย่างไร ดีแบบไหน ไม่เหมือนกันตรงไหน

แป้ง พัฟ laura mercier รีวิวเทียบรุ่นที่ละตัว

แป้ง พัฟ laura mercier มีหลายตัวมากให้สาว ๆ ได้ลองใช้งาน แน่นอนว่าจะต้องมีคนที่สงสัย ยังไม่ได้คำตอบว่าแต่ละตัวที่มีนั้น มันดีมาก น้อย แตกต่างกันอย่างไรบ้าง โดยแป้งของแบรนด์นี้นั้นมา สองตัว เป็นตัวตลับกลม ตัวตลับเหลี่ยม เพื่อให้สาว ๆ จำได้ง่าย ๆ จึงขอเรียกแบบนี้ โดยตลับเหลี่ยมมีชื่อว่า  Laura Mercier Foundation Powder ตลับกลมชื่อว่า Smooth Finish Foundation Powder เราจะมาแบ่ง Reviews กันทีละตัวเลย ดังนี้

  1. ตลับเหลี่ยมมีชื่อว่า  Laura Mercier Foundation Powder จะเป็นแป้งอัดแข็ง ในตำนานที่หลายคนคุ้นตากันดี เพราะมันมีมานานมาก ดีมาก ด้วยคุณสมบัติของมันที่เกิดมาเพิ่มปกปิดแบบขั้นเทพ ติดทนนานตลอดวัน พร้อมทั้งคุมมันได้นานมาก ดีมากมาก จนเป็นที่เลื่องลือกันปากต่อปากจากผู้ใช้งานจริงหลาย ๆ คนในเรื่องนี้ 
  2. ตลับกลมชื่อว่า Smooth Finish Foundation Powder ตัวนี้จะต่างจากตัวบนในหลาย ๆ ด้าน สิ่งแรกคือมันเป็นน้องใหม่ที่มาใหม่  ด้วยเนื้อที่เนียนละเอียดไม่แพ้กัน ทำให้ใบหน้าไม่รู้สึกว่าหนา เมื่อทามันลงไป ช่วยให้ผิวดูเป็นธรรมชาติสุด ๆ ช่วยปกปอดรอยได้ดีระดับหนึ่ง แต่อาจจะไม่เท่าตัวแรก มีส่วนผสมเพิ่มเข้ามาในส่วนของ Vitamin E Shea Butter ที่ช่วยบำรุงผิวไปด้วยในตัวของมันเอง

laura mercier foundation แป้งพัฟ

แป้ง พัฟ laura mercier รีวิวส่วนอื่นๆ

แป้ง พัฟ laura mercier รีวิวในส่วนอื่น ๆ นี้เราจะมาเก็บตกรีวิวในส่วนที่ยังไม่ได้พูดถึงไป เป็นของในส่วนภายนอกที่ต้องรู้เพิ่มเติม โดยจะรีวิวแยกทีละตัวเช่นเดิม ดังนี้

  1. Laura Mercier Foundation Powder มีให้เลือกทั้งหมด 3 เฉดสี คือ เบอร์ 01 – 03 ราคาขายที่ 1,700 บาท/ ตลับ มาด้วยน้ำหนัก 7.2 กรัม
  2. Smooth Finish Foundation Powder มีให้เลือกทั้งหมด 10 เฉดสี เบอร์ 01 – 10 ราคาขายที่ 1,950 บาท / ตลับ มาด้วยน้ำหนัก 9.2 กรัม

แป้ง พัฟ laura mercier มีหลายตัวให้สาว ๆ ได้เลือกใช้ตามความต้องการ มาพร้อม Shades ที่เป็นธรรมชาติที่แน่นอนว่า ไม่สาว ๆ ผิวไหนก็ไม่ต้องห่วงเรื่องหน้าลอย หน้าวอกเลย ด้วยคุณสมบัติที่คุมความมันตลอดวันที่ดีเยี่ยมก็หมดห่วงเรื่องหน้าเยิ้มไปได้อีกอย่าง สามารถหาอ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่ https://www.lauramercier.co.th/

รองพื้น laura mercier ในตำนาน

laura mercier foundation

รองพื้น laura mercier ในตำนาน ดีหรือไม่ดี มีคำตอบ

รองพื้น laura mercier ที่หลายคนรู้จักนั้น เชื่อได้ว่าสาวกของเครื่องสำอางแบรนด์นี้จะต้องถูกใจการ Reviews นี้แน่นอน เพราะเรามาล้วงลึกแบบหมดเปลือกเลยว่ามันดีจริงสมคำร่ำลือหรือไม่ ควรซื้อมาใช้ หรือควรเฉย ๆ มีคำตอบกัน

รองพื้น laura mercier รุ่น ข้อมูลพื้นฐาน

รองพื้น laura mercier รุ่นที่เราจะมารีวิวนี้เป็นชื่อรุ่นว่า Flawless Fusion Ultra – Longwear Foundation  ที่เป็นดังตำนานของเครื่องมือรองพื้นที่สาว ๆ หลายคนต้องกาได้มาครอบครองอย่างแน่นอน มันมาในขนาดบรรจุที่  30 ml . พร้อมด้วยราคามน้ำสมเนื้อที่ 1,900 บาท โดยประมาณ อายุการใช้งานที่แสนจะยาวนานถึง  1 ปี หลังจากการเปิดใช้งานครั้งแรกเช่นเดิม รองพื้นตัวนี้ทำมาเพื่อทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม ใช้งานได้ทั้งหมด ไม่ต้องห่วงในเรื่องของประสิทธิภาพเลย โดยตัวนี้เป็น brand มาจากฝรั่งเศส ที่มีสัญชาติญี่ปุ่นติดมาด้วย รองพื้นตัวนี้มีมาให้เลือกทั้งหมด 30 เฉดสีด้วยกัน จึงหมดห่วงเรื่องที่ว่าจะไม่มีสีไหนเข้ากับผิวเราไปได้เลย เพราะเฉดให้เลือกเยอะมาก ๆ เลย รับรองว่าแมทได้กับทุกคนแน่นอน  ไม่ต้องห่วงเรื่องน้ำหอมที่อาจจะทำให้หลายคนระคายเคือง เพราะมันปราศจากน้ำหอมด้วยนั่นเอง

laura mercier รองพื้น

รองพื้น laura mercier รีวิว ประสิทธิภาพ คุณสมบัติ

รองพื้น laura mercier ในส่วนของประสิทธิภาพนั้น มันทำงานด้วยการคุมมันได้ถึง 15 ชั่วโมง ซึ่งน้อยมาก ๆ ที่รองพื้นจะทำได้ยาวนานขนาดนี้ เพราะเราจะเห็นส่วนใหญ่ว่ามันคุมมันแค่ 12 ชั่วโมงเท่านั้นเอง มาพร้อมเนื้อสัมผัสที่บางเบา ไม่หนักหน้า ไม่ต้องห่วงเรื่องความหนาที่อาจจะทำให้รู้สึกไม่สบายหน้าเวลาลงรองพื้นตัวนี้ มันให้การปกปิดตั้งแต่ระดับกลางไปจน ถึงระดับสูง ทั้งนี้อยู่ที่การเลือกเฉดสี เทคนิคการใช้งานด้วยนั่นเอง  รองพื้นตัวนี้ไม่มีน้ำมัน ท่านที่ผิวมัน จึงหมดกังวลว่าจะเยิ้มก่อนเวลา หรือไม่ทำให้ Make up ไหล เมื่อเหงื่อออกมาก ๆ ได้เลย ไม่ต้องห่วงเรื่องความอดทน ต่อความชื้น น้ำ เพราะมันกันน้ำได้สูงมาก อีกทั้งยังปลอดภัยต่อทุกสภาพผิว แม้ผิวแพ้ง่ายก็ตาม

รองพื้น laura mercier เป็นรองพื้นที่สาว ๆ ต้องไม่พลาดหามาใช้งาน ไม่ว่าจะใช้ในชีวิตประจำวัน หรือสำหรับปกปิด เพื่อออกงาน party ทั้งกลางคืนและกลางวันเพื่อให้ใบหน้าของสาว ๆ ทุกท่านนั้น ดูดี มีความเรียบเนียน แบบที่ไม่ต้องกลัวว่าใครจะเห็นรูขุมขน หรือริ้วรอยตามวัยได้เลย สามารถหาอ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่ https://www.lauramercier.co.th/

Laneige รีวิว ต้นกำเนิด ประวัติความเป็นมา

laneige history

Laneige รีวิว แบบรู้ถึงต้นกำเนิด ประวัติความเป็นมา

laneige รีวิว ในวันนี้จะพาสาว ๆ ทุกคนไปทำความรู้จักกับมันให้มากกว่าเดิม เพราะแน่นอนว่าเมื่อเราจะเลือกใช้ Product ใด บนใบหน้าของเรานั้น เราจะต้องทำความรู้จักกับมันให้ลึกซึ้ง เพื่อที่เราจะสามารถไว้วางใจได้ว่าเราใช้ของดี

laneige รีวิว ประวัติ ต้นกำเนิด

laneige รีวิวในวันนี้จะมาเกี่ยวกับประวัติของแบรนด์ ต้นกำเนิดที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ แบรนด์นี้เป็นแบรนด์เครื่องสำอางจำพวก สกินแคร์ ที่ใช้ในการบำรุงผิวสะส่วนใหญ่  บริษัท เครื่องสำอางชื่อดังของเกาหลีอย่าง Amore Pacific ได้ทำการก่อตั้งแบรนด์ที่ชื่อว่า Laneige ในเดือนกันยายน ปี พ.ศ. 2537 โดยมีการสะสมผลิตภัณฑ์ที่เอาไว้สำหรับดูแลผิวชื่อว่า ยูวีกรีน ( Uv green ) ภายใต้แคมเปญ “Laneige ปกป้องผู้หญิง” โดยเน้นคุณสมบัติของการสร้างภูมิต้านทานผิวหนัง ในสายการผลิต Laneige เพื่อการโปรโมท และได้ทำการคัดเลือกนักแสดงหญิง Lee Yoo-ri  Kim Kim-won มาเป็นตัวแทนของแบรนด์ ดูภายนอกในช่วงนั้นแม้จะประสบความสำเร็จไม่น้อย แต่ก็พบว่าพบว่าในทางตรงกันข้ามกับภาพลักษณ์ผู้บริโภคเห็นว่าแบรนด์นั้นมีความเป็นผู้ใหญ่น้อยมาก  ต่อมาในเดือนกรกฎาคมปี 1995 นักแสดงหญิงคิมจี – โฮกลายเป็นพรีเซ็นเตอร์คนที่สามของแบรนด์ Laneige จนทำให้แบรนด์ดังกล่าวมียอดขายถึง 100 พันล้านวอนในปี 1996เลย 

laneige รีวิว  ไทม์ไลน์ การพัฒนาตนสู่สากล

laneige รีวิว Timeline การพัฒนาของแบรนด์ที่จำหน่ายในประเทศเกาหลี เพื่อออกสู่ตลาดสากล โดยเริ่มต้นที่ในเดือนกันยายนปี 2017 Laneige ร่วมมือกับ Sephora ผู้ค้าปลีกเครื่องสำอางรายใหญ่ เพื่อเปิดตัวแบรนด์ใหม่ในสหรัฐอเมริกา โดยการเปิดตัวครั้งแรกของ Lip Sleeping Mask มาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ชูโรง ก่อนหน้านี้แบรนด์ก็ได้นี้การมีวางจำหน่ายสินค้าหลายรายการที่ร้านค้าปลีกในประเทศอเมริกัน โดยตั้งเป้าไว้ที่ตั้งแต่ปี 2014 ถึงปี 2015 ต่อมามีการนำเสนอเข้าจำหน่ายไปยังร้านอื่น ๆ โดย Sephora Canada ตั้งแต่เดือนกันยายน 2015 ต่อมา Laneige เปลี่ยนทิศทางการมุ่งเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ให้ความชุ่มชื้น เปลี่ยนโฉมกลายมาเป็นแบรนด์ จากเดิมที่เป็นเพียงแคมเปญรอบแรกในระยะเวลาห้าปี ด้วยการแนะนำโลโก้ใหม่แนวคิดใหม่ที่ว่า “ความงามส่องสว่าง” ในต้นปี 2562 เพื่อจำหน่ายในร้านค้าสำคัญของยุโรปอย่าง Sephora  แบรนด์นี้ถูกเริ่มสร้างแบรนด์ในเดือนเมษายน 2019 อย่างชัดเจนที่สุด

laneige cream skin

laneige รีวิว เป็นเครื่องประทินผิวที่เชื่อว่าตอนนี้มีสาว ๆ หลายคนมีไว้ติดบ้านอย่างแน่นอน เพราะว่ามันเป็นเครื่องสำอางที่ราคาย่อมเยาว์ เข้าถึงได้ทุกระดับชั้น แน่นอนว่าเหมาะกับทุกสภาพผิวเลยด้วยนั่นเอง สาว ๆ สามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์นี้มาใช้ได้อย่างสบายใจ เพราะไม่ว่าใคร ๆ ใช้ก็มักจะมีรี Reviews ไปในทิศทางที่ดีกันทั้งนั้น

Sleeping mask ของลาเนจ (Laneige) ดีจริงมั้ยคะ? https://pantip.com/topic/38280421

laneige water sleeping mask

laneige water sleeping mask

laneige water sleeping mask รีวิวแบบจุใจ ครบทุกด้าน

laneige water sleeping mask หนึ่งใน product เกี่ยวกับการบำรุงหน้าที่ดีที่สุด ต้องยกให้ในเรื่องของการมมาสก์หน้า เพราะอย่างที่สาว ๆ หลายคนรู้ดีว่ามาสก์หน้านั้น เป็นการบำรุงที่ล้ำลึก ฟื้นฟูผิวได้อย่างเข้มข้นกว่าครีมทั่วไป

laneige water sleeping mask รีวิวข้อมูลเบื้องต้นที่ควรรู้

laneige water sleeping mask เป็นครีมมาสก์หน้าที่เป็นแบบการมาสก์ทิ้งไว้ได้เลยตลอดคืน เมื่อท่านมาสก์หน้าแล้ว ท่านจะได้รับการฟื้นฟูที่ล้ำลึกกว่าการทาครีม หรือ SERUM เพราะการมาสก์หน้านั้น จะเข้มข้นกว่านั้นเอง วันนี้ก็เป็นอีกมาสก์ตัวดังที่เราจะมารีวิวให้ท่านได้รู้จักกันในชื่อว่า ลาเนจ วอเตอร์ สลีปปิ้ง มาสก์ ตัวนี้จะมีสูตรเดียว คือสูตรกระปุกสีฟ้า แต่กระปุกสีเขียวจะเป็นอีกชื่อ อย่าสับสน เพราะโดยทั้งสองสูตรนี้ทำงานต่างกัน สีฟ้าจะช่วยในเรื่องของความชุ่มชื้น เติมน้ำ ให้หน้าแข็งแรง อิ่มฟู ส่วนตัวสีเขียว จะช่วยในเรื่องของการฟื้นฟูหน้าที่เสียหาย ถูกทำร้ายจนเกิดสิวให้ดีขึ้น

  • สีฟ้าจะบรรจุที่ 70 ml. ในราคา 1,100 บาท
  • สีเขียวจะบรรจุที่ 60 ml. ในราคา 1,290 บาท

อายุการใช้งานจะนับถัดไป 2 ปีหลังการเปิดฝาใช้งานครั้งแรกนั่นเอง ฉะนั้นอย่าเข้าใจว่ามันเหมือนกัน

Water Sleeping Mask

 

laneige water sleeping mask รีวิวถึงประสิทธิภาพ คุณสมบัติ

laneige water sleeping mask อย่างที่เราบอกว่ามันมีสองสูตรคือ ฟ้า เขียว ฉะนั้นเราจะมาแยกรีวิวที่ละตัวเพื่อให้ไม่เป็นการเลือกใช้ผิดสูตร ดังนี้

  • ตัวที่หนึ่งสูตรกระปุกฟ้า ชื่อว่า ลาเนจ วอเตอร์ สลีปปิ้ง มาสก์ ตัวนี้จะมาช่วยเติมน้ำให้ผิวของเรานั้น ฉ่ำ อิ่ม ฟู เด้ง แข็งแรง เพราะด้วยตัวส่วนผสมต่าง ๆ ที่ตรงเข้าไปบำรุง ประโลมผิวของเราให้หนีไกลจากความแห้ง กร้านที่อาจจะเกิดขึ้นจากการเสียน้ำในระหว่างวันของผิวหน้าได้กลับมาสดใส FRESH ชุ่มชื้นอีกครั้ง
  • ตัวที่สองสูตรกระปุกเขียว ชื่อว่า ลาเนจ ซิก้า สลีปปิ้งมาสก์ ตัวนี้จะเป็นเหมือนหน่วยซ่อมแซมที่เข้ามาฟื้นฟู รักษาในส่วนที่เสียหายให้กลับมาดีดั้งเดิม หน้าที่พัง แหก จากการแพ้ เกิดสิว จะกลับมาแข็งแรงดีขึ้นกว่าเดิม ช่วยให้หน้าใส CLEAR ไร้รอย ด่างดำ

เห็นได้เลยว่าทั้งสองตัวนี้ต่างกันมาก แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ มันเป็นมาสก์ ที่ไม่ต้องล้างออก โบกเสร็จแล้วหลับ ตื่นมาพบกับความสวยได้เลยแบบ EASY EASY

laneige water sleeping mask เป็นมาสก์ที่ช่วยให้สาว ๆ นั้นห่างไกลจากความแก่ได้ไม่น้อย เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ผิวขาดน้ำ ความเหี่ยวจะเข้ามาแทนที่ ริ้วรอย ความยับจะเข้ามามากมายเลย  เข้าชมผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ Link นี้ https://www.laneige.com/th/th/laneige_story/story/story.html

สิ่งต้องห้ามของผู้หญิงอยากผอม

เมื่อความอ้วนมาเยือน หลายคนจะคิดว่าจะต้องอดอาหาร งดของหวาน หรือไม่กินอะไรได้ยิ่งดี…แต่รู้หรือไม่ว่าความคิดดังกล่าวนั้นมันผิด ผิดแบบไม่น่าให้อภัยเลยด้วยนะคะ…การจะลดน้ำหนักจะต้องทำอย่างถูกวิธี จะได้ไม่มีผลข้างเคียง วันนี้เรามีสิ่งต้องห้ามของคนที่อยากผอมมาฝากกันค่ะ

ห้ามอด

เพราะการอดอาหารไม่ได้ช่วยให้ผอมเพรียวลงได้ การที่อดอาหารบางมื้อไป จะส่งผลให้ระบบการเผาผลาญพลังงานของร่างกายเราทำงานได้ช้าลง ซึ่งอัตราการเผาผลาญไขมันก็ทำได้น้อยลงตามไปด้วย ฉะนั้นต่อให้อดอาหารแค่ไหน ก็ไม่มีผลต่อรูปร่างผอมเพรียวที่พึงปรารถนาได้ค่ะ มีแต่จะทำให้ร่างกายไม่มีเรี่ยวแรงมากกว่า แต่หันมาจัดตารางเวลาการกินจะทำให้เห็นผลมากกว่า

ห้ามผัดวันประกันพรุ่ง

เมื่อตั้งใจที่จะลดความอ้วนแล้วละก็ ต้องมีความมุ่งมั่นเอาจริงเอาจัง จะมามัวผัดวันประกันพรุ่งคงไม่ได้ เคยได้ยินกันใช่มั้ยคะว่า พรุ่งนี้ไม่มีวันมาถึง เพราะฉะนั้นอย่าใช้เหตุผลว่าพรุ่งนี้ค่อยเริ่มลด เพราะวันถัดมาก็อาจจะมีเหตุผลมาอ้างอีกได้ ไม่มีวันพรุ่งนี้ที่รอคอยนะคะ คิดจะทำอะไรก็เริ่มทำเลยดีกว่าค่ะ ค่อยเป็นค่อยไปรับรองได้ผลชัวร์

ห้ามใจร้อน

การลดน้ำหนักส่วนเกินนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ทำกันได้เพียงชั่วข้ามคืน ต้องใจเย็นๆ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป อย่าใจร้อน ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถทำให้น้ำหนักลงได้สัปดาห์ละ 5 กิโลก็ไม่เห็นจะเป็นไร ให้เวลากับตัวเองมากขึ้นอีกหน่อย อาจจะช้าไปนิดแต่ยังไงผลก็คือหุ่นดีได้เหมือนกันนะคะ ขอแค่ไม่ถอดใจไปซะก่อน คุณก็จะหุ่นเพรียวได้เหมือนกันค่ะ

ห้ามขี้เกียจ

ความจริงแล้วการออกกำลังกาย ให้เหงื่อออกกันบ้างนั้นเป็นวิธีการช่วยลดความอ้วนได้ดี เพียงแต่หลายคนเลือกเป็นวิธีสุดท้าย เพราะเจ้าความขี้เกียจมาคอยรบกวนอยู่นะซิคะ เลยมัวเอาเวลาไปหาแต่ยาลดความอ้วนมากิน ซึ่งไม่ได้ช่วยให้เราผอมได้ในระยะยาว และยังอาจจะมีผลข้างเคียงอีกด้วย ฉะนั้นแล้วใครที่อยากหุ่นสวยในระยะยาว ก็ต้องขยันออกมาขยับร่างกาย เอ็กเซอร์ไซค์กันหน่อย มากำจัดไขมันส่วนเกินของคุณอย่างปลอดภัยกันดีกว่าค่ะ

ห้ามแตะน้ำอัดลม

น้ำอัดลม รสซ่าเย็นๆ อาจจะช่วยให้เรารู้สึกสดชื่นได้ แต่รู้ไหมว่าเจ้าน้ำอัดลมนี่แหละที่มีแคลอรี่ ตัวแปรสำคัญที่ทำให้เราอ้วนอยู่มากเลยทีเดียว แถมยังอันตรายต่อร่างกายด้วย เพราะก๊าซในน้ำอัดลมจะไปกัดกร่อนกระดูกของเรา ทำให้กระดูกพรุนได้ในที่สุด น้ำเปล่าดีที่สุดค่ะ ช่วยดับกระหายคลายร้อนได้ และไม่มีแคลอรีที่ทำให้เราอ้วนได้

ห้ามคลายเครียดด้วยการกิน

หลายคนพอเครียดก็หาอะไรกิน อยู่เฉยๆ เหงาปากก็หาอะไรมากระแทกปาก ทำกิจกรรมอะไรก็มักจะมากินไปพร้อมๆ กันด้วยถึงจะได้อารมณ์ แต่นั่นเป็นเพียงการช่วยบำบัดอารมณ์เพียงชั่ววูบเท่านั้นเอง และมันจะทำให้เราอ้วนโดยไม่รู้ตัวนะคะ

ห้ามตามใจปาก

จำไว้ให้ดีว่าถ้าอยากลดน้ำหนักได้จริงๆ ต้องไม่ตามใจปาก ต้องคำนึงเรื่องอาหารการกินกันเป็นพิเศษ อะไรที่กินได้ อะไรไม่ควรกิน เลี่ยงได้ก็เลี่ยงไป มุ่งมั่นจริงจังแล้วคุณก็จะมีหุ่นเพรียวสมใจ

แค่เพียงวิธีง่ายๆ เท่านี้ ใครที่สามารถทำได้ คุณก็บอกลาความอ้วนไปอย่างถาวรได้เลยค่ะ ใครที่กำลังพยายามลดน้ำหนักส่วนเกินแบบผิดๆ อยู่ละก็ นำวิธีดีๆ เหล่านี้ไปใช้ได้เลยค่ะ ไม่หวงอยู่แล้ว…

จัดเวลาทานเพื่อการควบคุมน้ำหนักอย่างได้ผล

การจัดตารางเวลาในการทานอาหารในแต่ละวันตามช่วงเวลาที่เหมาะสม จะช่วยให้การควบคุมการทาน และน้ำหนักของคุณเห็นผลได้ โดยไม่ต้องยุ่งยากหาวิธีการอื่นๆ อีกเลย ซึ่งตารางเวลาที่เหมาะสมมีดังนี้

05.00 – 07.00 น. ดื่มน้ำอุ่น 2 แก้ว เพื่อช่วยในการขับถ่าย

07.00 – 09.00 น. ทานอาหารเช้า เพราะเป็นช่วงเวลาที่กระเพาะอาหารทำงาน ถ้าทานได้ทุกวันจะทำให้กระเพาะอาหารแข็งแรง และช่วยให้หน้าไม่แก่เร็ว

09.00 – 11.00 น. งดทานอาหาร ขนม และน้ำ เพราะอาหารและน้ำจะแปรสภาพเป็นไขมัน

13.00 – 15.00 น. ควรงดอาหารทุกประเภท เพราะลำไส้เล็กทำงานหนัก

15.00 – 17.00 น. เป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการออกกำลังกาย พยายามให้เหงื่อออก กระเพาะปัสสาวะจะได้แข็งแรง

23.00 – 01.00 น. เป็นช่วงเวลาของถุงน้ำดี ควรงดอาหารและดื่มน้ำก่อนเข้านอน

ถ้าหากทำตามตารางที่จัดไว้นี้ได้ รับรองว่าเรื่องน้ำหนักเกินจะไม่มารบกวนคุณอีกแน่นอนค่ะ

กลยุทธ์สุดเวิร์คพิชิตหุ่นสวยใน 42 วัน

การไดเอทสำหรับหลายคนอาจเป็นเรื่องยาก เพราะต้องอาศัยเวลา และความตั้งใจที่มั่นคงสักหน่อย ถ้าใครใจแข็งพอก็จะเผลอทานโน้นนี่ตามใจปากเหมือนเคยแน่นอน ซึ่งนั่นก็คือปัญหาอันดับหนึ่งเลยก็ว่า และเพื่อให้การลดน้ำหนักของสาวๆ ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป วันนี้มีกลยุทธ์ดีๆ มาแนะนำให้เอาไปใช้ควบคุมจิตใจมากฝากกันค่ะ

7 วันของการต่อสู้

ถือว่าช่วงสัปดาห์แรกเป็นช่วงที่ทรมานที่สุดของสาวๆ เลยก็ว่าได้ เพราะคุณจะรู้สึกหิวอยู่ตลอดเวลา ถ้ายั้งใจไว้ไม่อยู่ก็อาจจะยอมแพ้ได้ง่ายๆ เลยล่ะค่ะ ดังนั้นกลยุทธ์สำหรับการกำจัดความต้องการตรงนี้ไปได้ก็คือ ให้มุ่งความสนใจไปที่อาหารเช้า โดยกินมื้อเช้าให้เยอะเข้าไว้ เพราะนอกจากจะทำให้ท้องอิ่มได้นานแล้ว ยังช่วยให้แคลอรี่กับร่างกายไปใช้อีกตั้ง 350 แคลอรี่ค่ะ

14 วันแห่งความหงุดหงิด

เนื่องจากเป็นช่วงที่คุณกำลังปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหารจากแบบเดิมที่ทานอะไรก็ได้ แต่ตอนนี้ต้องเลือกทานแต่ของมีประโยชน์ ทำให้คุณเกิดอารมณ์หงุดหงิด พานอารมณ์เสียไปได้ทุกเรื่องจากความเครียด และความกดดัน ซึ่งในที่สุดก็อาจทำให้ตบะแตกได้ในระยะนี้เช่นกัน ดังนั้นวิธีแก้ไขก็คือ ให้เบี่ยงเบนความสนใจด้วยการหันหน้าเข้าหาเพื่อนๆ พูดคุยปรึกษากันซะหน่อย ไม่แน่นะ คุณอาจจะปิ๊งไอเดียเจ๋งๆ ที่จะนำมาใช้ในการลดน้ำหนักต่อไปก็ได้ค่ะ

21 วันแห่งความอยาก

ช่วงนี้คุณจะมีอาการอยากทานโน้นนี่อยู่ตลอดเวลา เพราะถึงช่วงที่จะมีประจำเดือนพอดี ทำให้ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็อยากจะซื้อมาทานซะให้เรียบเลย ซึ่งการรับมือกับพายุความอยากนี้คือ แทนที่จะทานอาหารแบบวันละ 3 มื้อ ก็เปลี่ยนมาเป็นวันละ 4 – 6 มื้อย่อยๆ แทน วิธีนี้จะช่วยให้ระดับน้ำตาลคงที่ สามารถขจัดความเหนื่อยล้า และช่วยทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นด้วยค่ะ

42 วันเฟิร์มขึ้น แต่น้ำหนักยังไม่ลดลง

เมื่อผ่านไป 6 สัปดาห์คุณจะรู้สึกว่าร่างกายเฟิร์มขึ้น มีกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น แต่สงสัยว่าทำไมน้ำหนักยังไม่ลดลงซักที อย่าเพิ่งด่วนถอดใจไปซะก่อนค่ะ ให้ทำการลดน้ำหนักอย่างนี้ต่อไปนั่นแหละ และท่องเอาไว้ว่า ยิ่งมีกล้ามเนื้อมาก ก็ยิ่งเผาผลาญแคลอรี่ได้มาก แต่ถ้าคุณเกิดหมดแรงฮึดขึ้นมาจริงๆ ให้นำยีนส์ตัวเก่งที่เคยใส่ไม่ได้แล้วมาลองสวมดูสิคะ หรืออาจจะส่องกระจกสำรวจดูตัวเองว่าไขมันตรงไหนลดไปบ้าง อาจจะช่วยเรียกกำลังใจกลับคืนมาได้แน่นอนค่ะ

ลองเอาไปประยุกต์ให้เข้ากับการใช้ชีวิตของคุณนะคะ รับรองว่าเรื่องน้ำหนักส่วนเกินของคุณจะต้องหมดไปในเร็ววันแน่นอนค่ะ

วิธีอาบน้ำให้ทารกอย่างถูกวิธี

ก่อนอื่นคุณพ่อคุณแม่ต้องมารู้จักก่อนว่าวิธีทำความสะอาดทารกนั้นมีอยู่ด้วยกัน 2 วิธี คือ การเช็ดตัวและการอาบน้ำ

การเช็ดตัว

ทำในกรณีที่สายสะดือยังไม่หลุด ควรทำความสะอาดวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น เพราะถ้าอาบน้ำจะทำให้สะดือแฉะ ทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ทารกได้ง่าย

การอาบน้ำ

เมื่อเด็กอายุได้ 7-10 วัน สายสะดือจะแห้งและหลุด ซึ่งเมื่อเป็นอย่างนี้ก็ให้เปลี่ยนจากการเช็ดตัวมาเป็นอาบน้ำแทน เพื่อความทั่วถึงในการทำความสะอาด

การสระผม

ไม่ว่าจะเป็นการเช็ดตัวหรืออาบน้ำ ควรสระผมให้ลูกด้วยวันละ 1 ครั้ง แต่ถ้าอากาศเย็นอาจสระวันเว้นวันแทน

การอาบน้ำให้ลูก

ไม่เพียงแต่จะทำให้ลูกสบายกายเท่านั้น เพราะถ้าคุณพ่อคุณแม่ทำให้ลูกด้วยความใส่ใจ เอาใจใส่ และอ่อนโยน สิ่งเหล่านี้ทำให้ลูกสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น ความปลอดภัย และก่อให้เกิดสัมพันธภาพ และความรักที่มีต่อกันในที่สุดค่ะ

เรื่องของเด็กแรกเกิดที่คุณยังไม่รู้

babies

เสียงร้องเหมือนกันหมด

เคยได้ยินมาว่าเสียงร้องของเด็กจะมีความแตกต่างกัน และบ่งบอกความต้องการของลูกได้ แต่ถ้าลูกร้องทีไรก็เสียงเดียวกันหมด นั่นเป็นเรื่องปกติที่ช่วงแรกๆ คุณพ่อคุณแม่จะรู้สึกแบบนั้น แต่อย่าได้กังวลไป เพราเวลาจะช่วยทำให้สามารถแยกแยะเสียงได้เอง ลองตอบสนองลูกขั้นพื้นฐานไปเรื่อยๆ สักพักก็รู้ใจกันเอง

ลูกไม่น่ารักเหมือนในหนังสือเลย

นั่นเป็นเพียงมายาคติเท่านั้นเอง เพราะแท้ที่จริงแล้วเด็กแรกเกิดสัดส่วนจะดูแปลกตากว่าที่คุณเคยเห็น เพราะกว่าจะออกมาได้เด็กต้องเดินทางผ่านกระดูกเชิงกราน กระดูกตรงกระโหลกศีรษะที่ยังปิดไม่สนิท จะเปลี่ยนรูปชั่วคราวเพื่อสะดวกต่อการคลอดและไม่เป็นอันตรายต่อสมองน้อยๆ ด้วย อีกทั้งของเหลวในร่างกายยังทำให้ลูกตาดูบวมๆ จมูกบี้ๆ อีกต่างหาก แต่อย่าตกใจไป เพราะลูกน้อยจะค่อยๆ เต่งตึง ดูน่ารักน่าชังได้ในอีก 1-2 สัปดาห์

ตัวแค่นี้ถีบเก่งจัง

ช่วงแรกเกิดเด็กจะมีพื้นที่ในการเคลื่อนไหวแขนขามากกว่าตอนอยู่ในท้องแม่ แต่ก็ยังบังคับกล้ามเนื้อแขนขาไม่เอาไหนเลย จึงยกสะเปะสะปะไปเรื่อย เหมือนกับกระตุกหรือสะดุ้งตลอด แต่อาการนี้จะลดลงภายใน 2-3 สัปดาห์ แล้วจะค่อยๆ หายไปภายใน 3 เดือน

ลูกอัณฑะใหญ่เกินตัว

ทั้งนี้ เพราะฮอร์โมนจากแม่ ซึ่งอยู่ในร่างกายและเนื้อเยื่อของเด็กยังถูกขับออกมาไม่หมด จึงทำให้เด็กผู้ชายมีอัณฑะที่ดูใหญ่ ส่วนเด็กผู้หญิงก็มีอวัยวะเพศดูบวมๆ ในช่วง 2-3 วันแรก ถ้าไม่เจ็บหรือมีอาการอักเสบก็สบายใจหายห่วงได้

ทำไมหิวบ่อยจัง

ช่วงแรกเกิดเป็นช่วงที่ต้องคอยให้นมลูกตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากเด็กที่กินนมแม่จะหิวบ่อย เพราะนมแม่ย่อยและดูดซึมง่ายกว่านมผง ยิ่งช่วง 6 เดือนแรกจะเป็นช่วงที่ทำน้ำหนักของลูกขึ้นมาประมาณสองเท่าของตอนแรกเกิด แต่คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วง ทำใจให้สบายได้เลย เพราะเห็นลูกกินได้น่าจะดีใจมากกว่า

มือเท้าเย็น

ส่วนใหญ่เวลารู้สึกว่าลูกมือเท้าเย็น มักจะหาผ้าห่มมาห่มเพิ่ม แต่ความจริงเด็กแรกเกิดมีโอกาสที่มือเท้าจะเย็นกว่าอวัยวะส่วนอื่นได้ เพราะระบบหมุนเวียนเลือดกำลังพัฒนา จึงต้องส่งกำลังเลือดไปเลี้ยงอวัยวะหลักๆ อวัยวะที่อยู่ไกลอย่างมือและเท้าจึงได้รับช้า ทั้งนี้ ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 เดือน ระบบหมุนเวียนต่างๆ ในร่างกายจึงจะเข้าที่ ฉะนั้น ถ้าสังเกตดูว่าผิวของลูกออกสีชมพู และอุณหภูมิห้องไม่เย็นมาก ก็ยังไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อผ้าให้ลูก แค่ให้ลูกออกกำลังกาย ยกแข้งยกขาก็พอ จะช่วยทำให้ระบบไหลเวียนสมบูรณ์เร็วขึ้น

มีเลือดปนมากับผ้าอ้อม

ฮอร์โมนจากแม่บางครั้งเป็นเหตุให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดของเด็กผู้หญิงแรกเกิดได้ ซึ่งบางครั้งอาจไม่ใช่เลือดแต่เป็นสีของปัสสาวะที่ดูเข้ม จึงไม่ต้องกังวลถ้าคุณเห็นรอยเปื้อนเลือดเล็กน้อยติดอยู่กับผ้าอ้อมในช่วงสัปดาห์แรกหลังคลอด

ผายลมบ่อย

เด็กที่กินนมแม่ อึลูกจะมีสีเหลืองทองและนิ่ม ไม่เป็นก้อนๆ ถ้าเลี้ยงด้วยนมขวดจะมีสีเข้มหรือคล้ำกว่า บางคนถ่ายทุกวันหรือมากกว่าหนึ่งครั้งต่อวัน บางคนสองสามวันถ่ายที แต่ถ้าไม่เป็นก้อนแข็งก็ไม่มีอะไรน่าห่วง อีกทั้งเด็กบางคนก็ผายลมเป็นว่าเล่น โดยเฉพาะหลังกินนมแม่ ถ้าไม่ปวดท้อง ไม่งอแง ไม่บวม ก็ถือว่าสบายดี ไม่ต้องกลัวว่าลูกจะท้องเสีย

จามตลอดเวลา

ธรรมชาติของเด็กแรกเกิดอาจจะจามบ่อย แต่ไม่ได้หมายความว่าป่วยหรือเป็นหวัด แต่เป็นเพราะเด็กกำลังทำให้ทางเดินหายใจของตัวเองโล่งสบาย และหลังจากให้นมลูกแล้ว อาจเห็นว่าลูกจาม เพราะระหว่างดูดนม แกต้องกลั้นหายใจเป็นจังหวะ ฉะนั้น ถ้าจามโดยไม่มีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ไข้ น้ำมูก งอแง แสดงว่าลูกน้อยสบายดี ไม่ต้องกังวล

ผิวหนังลอก

เมื่อเด็กคลอดออกมา ไขมันที่เคลือบผิวหนังตอนอยู่ในท้องจะหลุดออก ทำให้ผิวหนังชั้นนอกแห้งและเริ่มลอก แต่อีก 1-2 สัปดาห์ ผิวหนังเก่าจะหลุดออก พร้อมกับมีผิวหนังใหม่ที่ใส เต่งตึงมาแทนที่ ทั้งนี้ ต้องระวัง อย่าแกะ ดึง หรือขัดเด็ดขาด ควรปล่อยให้ผิวหนังหลุดลอกออกมาเอง

บางทีเหมือนหยุดหายใจ

เพราะว่ากล้ามเนื้อในระบบทางเดินหายใจของเด็กยังไม่แข็งแรงเต็มที่ การกระเพื่อมของทรวงอกจึงมีน้อย แต่พอผ่านไปประมาณ 6 สัปดาห์ คุณแม่จะสังเกตเห็นการหายใจของลูกชัดขึ้น แต่หากรู้สึกว่าลูกหยุดหายใจเกิน 20 วินาที นั่นเป็นสัญญาณอันตราย ต้องรีบพาไปพบหมอด่วน

คราวนี้ก็คงหายข้องใจกันแล้วกับอาการต่างๆ ของเด็กแรกเกิด…ลองนำไปศึกษากันให้ละเอียดดูนะคะ เพื่อความสบายใจของคุณพ่อคุณแม่เอง…

เรียนรู้สู่การเป็นคนรู้ใจลูกรัก

เทคนิคที่เราได้นำมาแนะนำในครั้งนี้ เป็นคำชี้แนะจากคุณหมอผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเด็ก ซึ่งจะช่วยตอบปัญหาของคุณพ่อคุณแม่ได้ว่าทำไมลูกถึงทำแบบนั้น ทำไมถึงทำแบบนี้ ให้กระจ่างจนหายข้องใจ และจะทำให้คุณเข้าถึงความคิดของลูกรักได้ดีขึ้นอีกด้วยค่ะ

การสื่อสารแบบสองทาง

เทคนิคที่ว่านี้คือ การสื่อสารแบบสองทางค่ะ คือถ้าคุณพ่อคุณแม่อยากรู้ว่าลูกกำลังคิดอะไรอยู่ก็ให้ถามลูกตรงๆ อยากรู้ว่าลูกทำแบบนั้นเพราะอะไร ก็ให้ถามไปเลย ซึ่งลูกก็จะพูดออกมาให้ฟังว่าเหตุผลที่เค้าต้องทำแบบนั้นเพราะอะไร เป็นวิธีที่ง่ายมากๆ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่อาจมองข้ามไป ถึงแม้ว่าจะสนิทชิดเชื้อกันเพียงใด แต่เรื่องของจิตใจนั้น บางครั้งบางคราวก็ไม่ใช่เรื่องที่จะคาดเดาหรือรู้ล่วงหน้ากันได้ง่ายๆ

และเพื่อให้เทคนิคนี้ได้ผลเต็มร้อย นอกจากการจะถามแล้ว ขอให้คุณพ่อคุณแม่เพิ่มความพิเศษเป็นขั้นแอดวานซ์ใส่เข้าไปอีกนิด นั่นคือต้องฟังลูกด้วยค่ะ เป็นการถามและฟังเพื่อสร้างความเข้าใจ ซึ่งจะเป็นเทคนิคพิเศษที่จะทำให้คุณพ่อคุณแม่ล่วงรู้ความในใจ ความคิด อันนำมาไปสู่พฤติกรรมที่แสดงออกมาของคุณลูก จนพัฒนาไปเป็นคนที่รู้ใจลูกมากที่สุดต่อไปค่ะ

ให้ลูกเป็นคนเลือกและตัดสินใจด้วยตัวเอง

อีกอย่างคุณพ่อคุณแม่ควรฝึกให้ลูกเป็นคนเลือก หรือตัดสินใจอะไรเป็นได้ด้วยตัวเอง ลองเปิดโอกาสให้คุณลูกได้แสดงความคิดเห็น ได้บอกเล่าความรู้สึก และความต้องการ ซึ่งการเปิดโอกาสนี้จำเป็นนะคะ เพราะนี่คือกระบวนการของการเติบโต เพราะเด็กที่ไม่เคยได้คิด ไม่เคยได้สำรวจที่มาที่ไปของความรู้สึกของตนเอง ไม่เคยได้ตัดสินใจเอง ไม่เคยได้ทำอะไรเองนอกจากเป็นผู้รอรับคำสั่งของคุณพ่อคุณแม่ สมองของเขาก็จะไม่ได้พัฒนาเท่าที่ควร ไม่ได้เรียนรู้การแยกแยะเหตุผล และนั่นจะทำให้เขาพลาดอะไรไปหลายอย่างในชีวิตทีเดียวค่ะ